ดูดไขมันแล้วพัง? ไม่เห็นผล? รู้สาเหตุและวิธีแก้ไขที่ตรงจุด

ดูดไขมันแล้วพัง? ไม่เห็นผล? รู้สาเหตุและวิธีแก้ไขที่ตรงจุด

การดูดไขมันเป็นหัตถการที่ช่วยปรับรูปร่างและสร้างความมั่นใจให้กับหลายๆ คน แต่ในทางกลับกัน ก็มีคนไข้จำนวนไม่น้อยที่ต้องเผชิญกับผลลัพธ์ที่ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาดูดไขมันแล้ว “พัง” หรือดูดแล้วแต่สัดส่วน “ไม่ลง” ซึ่งสร้างความกังวลใจเป็นอย่างมาก วันนี้เราจะมาเจาะลึกถึงสาเหตุของปัญหาเหล่านี้ และแนวทางการแก้ไขที่ถูกต้องจากผู้เชี่ยวชาญ

สารบัญ

  • ปัญหาหลักที่พบบ่อยหลังการดูดไขมัน
    • กรณีที่ 1: ดูดไขมันแล้ว “พัง” – ผิวเป็นหลุม เป็นคลื่น ไม่เรียบเนียน
    • กรณีที่ 2: ดูดไขมันแล้ว “ไม่ลง” – สัดส่วนแทบไม่เปลี่ยนแปลง
  • ทำไมการดูดไขมันแบบ “ไม่ครบ 360 องศา” คือวิธีที่ผิด?
  • เมื่อไหร่ที่ควรตัดสินใจเข้ามาปรึกษาเพื่อ “ดูดไขมันแก้”
  • การดูดไขมันแก้ ทำได้จริง แต่ต้องอาศัยความชำนาญ

ปัญหาหลักที่พบบ่อยหลังการดูดไขมัน

สำหรับคนไข้ที่เข้ามาปรึกษาเรื่องการแก้ไขงานดูดไขมัน โดยส่วนใหญ่มักจะพบปัญหาอยู่ 2 รูปแบบหลักๆ คือ

Uneven skin texture after liposuction procedure.
ภาพแสดงลักษณะผิวไม่เรียบเนียนซึ่งเป็นปัญหาที่พบบ่อยหลังการดูดไขมันที่ผิดวิธี

กรณีที่ 1: ดูดไขมันแล้ว “พัง” – ผิวเป็นหลุม เป็นคลื่น ไม่เรียบเนียน

ปัญหานี้ถือเป็นฝันร้ายที่สุดของคนที่ไปดูดไขมันมา เกิดจากการที่แพทย์อาจขาดความชำนาญในการใช้เครื่องมือ ทำให้การสลายและดูดไขมันออกไปไม่สม่ำเสมอในชั้นไขมัน ส่งผลให้ผิวหนังยุบตัวลงไปในบางจุด และยังคงนูนอยู่ในบางจุด เกิดเป็นลักษณะผิวที่เป็นหลุม เป็นบ่อ หรือเป็นคลื่น ไม่เรียบเนียน ซึ่งมองเห็นได้ชัดเจน

กรณีที่ 2: ดูดไขมันแล้ว “ไม่ลง” – สัดส่วนแทบไม่เปลี่ยนแปลง

คนไข้อีกกลุ่มคือผู้ที่ผ่านการดูดไขมันมาแล้ว แต่กลับรู้สึกว่ารูปร่างหรือสัดส่วนไม่ได้ลดลงอย่างที่คาดหวัง หรือลดลงน้อยมากจนแทบไม่เห็นความแตกต่าง ซึ่งอาจเกิดจากการประเมินปริมาณไขมันที่ต้องนำออกน้อยเกินไป หรือเทคนิคที่ใช้ไม่สามารถกำจัดไขมันในบริเวณนั้นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทำไมการดูดไขมันแบบ “ไม่ครบ 360 องศา” คือวิธีที่ผิด?

หนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผลลัพธ์ออกมาไม่สวยงามและไม่เป็นธรรมชาติ คือการดูดไขมันที่ไม่ครอบคลุมรอบด้าน หรือ “ไม่ครบ 360 องศา”

สำหรับผมแล้ว นี่คือวิธีที่ผิดอย่างชัดเจน เพราะการดูแลสัดส่วนต้องมองภาพรวมทั้งหมด ยกตัวอย่างเช่น การดูดไขมันต้นแขน หากดูดออกไปแค่เฉพาะบริเวณใต้ท้องแขน โดยไม่ได้ดูดเก็บรายละเอียดในส่วนอื่นๆ ของแขนให้ครบทั้งด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลัง ผลลัพธ์ที่ได้คือแขนที่ดูไม่สมส่วน ไม่กลมกลืน และยังดูใหญ่เหมือนเดิมในบางมุม

การวาดประเมินแนวดูดไขมันแบบ 360 องศา เพื่อผลลัพธ์ที่สวยงามรอบด้าน

หลักการดูดไขมันที่ถูกต้องคือการเหลาสัดส่วนให้มีความโค้งมนสวยงามรอบทิศทาง การดูดไขมันแบบ 360 องศา จึงเป็นการเก็บรายละเอียดทั้งหมด ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูดีเป็นธรรมชาติ และทำให้สัดส่วนลดลงอย่างชัดเจน

เมื่อไหร่ที่ควรตัดสินใจเข้ามาปรึกษาเพื่อ “ดูดไขมันแก้”

หากคุณเป็นคนไข้ที่เคยดูดไขมันมาแล้วและรู้ตัวว่าไม่ได้ทำแบบ 360 องศา แล้วรู้สึกว่าผลลัพธ์ไม่เป็นที่พอใจ เช่น ผ่านไป 1 เดือน, 2 เดือน, หรือ 3 เดือนแล้ว สัดส่วนก็ยังไม่ลดลงอย่างที่ควรจะเป็น ผมแนะนำว่าสามารถเข้ามาปรึกษาเพื่อวางแผนแก้ไขได้เลย

การตัดสินใจแก้ไขเร็วมีข้อดีคือ ป้องกันการเกิดพังผืดที่หนาและแข็งตัว ยิ่งปล่อยไว้นาน พังผืดใต้ผิวหนังในบริเวณที่เคยดูดไขมันจะยิ่งก่อตัวขึ้นเยอะ ทำให้การแก้ไขในอนาคตทำได้ยากขึ้นและเจ็บกว่าเดิม

การดูดไขมันแก้ ทำได้จริง แต่ต้องอาศัยความชำนาญ

ต้องยอมรับว่าเคสแก้ไขนั้นมีความท้าทายและยากกว่าเคสปกติหลายเท่า เพราะแพทย์ต้องทำงานกับชั้นผิวหนังและชั้นไขมันที่มีพังผืดเกาะอยู่ ทำให้ต้องใช้แรงและเทคนิคที่สูงกว่าปกติ แต่ยืนยันว่า สามารถทำได้ และเราก็มีความชำนาญในการทำเคสแก้ไขอยู่แล้วเป็นจำนวนมาก

สำหรับคนไข้ที่กำลังประสบปัญหานี้อยู่ ไม่ต้องกังวลใจ สามารถเข้ามาปรึกษาเพื่อประเมินและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมได้เลย การดูดไขมันใหม่อย่างถูกวิธีด้วยเทคนิค 360 องศา จะช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินที่ยังหลงเหลืออยู่และแก้ไขความผิดพลาดเดิม ทำให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นและมีสัดส่วนที่สวยงามได้อย่างแน่นอน

สรุป

การดูดไขมันที่ไม่เห็นผลหรือผลลัพธ์ออกมาไม่สวยงาม มักมีสาเหตุมาจากการใช้เทคนิคที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะการดูดไขมันที่ไม่ครอบคลุมรอบด้าน ซึ่งทำให้เกิดปัญหาผิวเป็นคลื่น เป็นหลุม หรือสัดส่วนไม่ลดลงจริง หากพบว่าผลลัพธ์ไม่เป็นที่น่าพอใจหลังผ่านไป 1-3 เดือน ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญเพื่อวางแผนแก้ไขโดยเร็วที่สุด ก่อนที่จะเกิดพังผืดสะสมจนทำให้การรักษายากขึ้น ซึ่งการแก้ไขด้วยเทคนิคดูดไขมัน 360 องศาสามารถคืนความเรียบเนียนและปรับสัดส่วนให้สวยงามสมส่วนได้อีกครั้ง

นพ.ชัยวิทย์ ด่านค้ามาก