ดูดไขมันต้นแขน
ดูดไขมันต้นแขน คืออะไร ดีอย่างไร ราคาเท่าไหร่ เจ็บหรือไม่ วันนี้เราจะมาหาคำตอบกันครับ
แขนเล็ก ทำให้ดูตัวเล็ก คำนี้ใช้ได้เสมอ และได้รับการพิสูจน์มาแล้วมากมายจากคนไข้ที่ทำไป การดูดไขมันแขน เป็นบริเวณที่เหมาะสำหรับการเริ่มต้นสำหรับคนไข้ที่ยังไม่เคยดูดไขมันมาก่อน เพราะเป็นบริเวณที่เจ็บน้อยที่สุด ใช้เวลาน้อยที่สุด โดยเคสส่วนใหญ่สามารถทำแบบฉีดยาชาได้ ไม่จำเป็นต้องดมยาสลบ
สารบัญ
- ดูดไขมันต้นแขน 360 องศา คืออะไร
- ดูดเฉพาะท้องแขน กับ ดูด 360 องศา ต่างกันอย่างไร
- ดูดไขมันแขน ใช้ยาชา หรือ ยาสลบ ดีกว่ากัน
- ทำแล้วแขนจะหย่อนหรือไม่
- เทคนิคของดีว่าคลินิก
- การเตรียมตัวก่อนทำ
- ภาวะปกติที่ต้องเจอหลังทำ
- หลังทำต้องรอนานไหม กว่าจะเห็นผล
- สรุป
ดูดไขมันต้นแขน 360 องศา
สำหรับเทคนิคที่คลินิกเราใช้ คือ การดูดรอบแขน 360 องศา ซึ่งเป็นเทคนิคจากเกาหลีโดยตรง เนื่องจากในความเป็นจริงแล้วคนเราจะมีไขมันสะสมอยู่รอบแขน ไม่ได้มีสะสมอยู่แค่ด้านท้องแขน การดูดไขมันรอบแขน 360 องศา จึงเป็นวิธีที่ลดไขมันได้มาก ลดไซส์ได้มาก และดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด


ดูดไขมันเฉพาะท้องแขน Vs ดูดไขมันรอบแขน 360 องศา
ในสมัยก่อนที่ผมเริ่มดูดไขมัน (เมื่อ 7 ปีที่แล้ว) แพทย์มักจะดูดไขมันเฉพาะท้องแขน (ปัจจุบันแพทย์ส่วนใหญ่ก็ยังดูดเฉพาะท้องแขน) ซึ่งเมื่อติดตามผลจากคนไข้ จะพบว่า แขนมักจะเล็กลงไม่มาก และดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ เนื่องจากจะมีไขมันหลงเหลืออยู่ในบริเวณที่ไม่ได้ดูด คือ หัวไหล่ และหน้าแขน
ผมจึงเริ่มดูดไขมันรอบแขน 360 องศา เมื่อประมาณ 5 ปีมาแล้ว และติดตามผลจากคนไข้ จึงได้พบว่า คนไข้มีความประทับใจ พอใจกับผลลัพธ์ค่อนข้างมาก เพราะต้นแขนเล็กลงเยอะ แขนดูเรียวสวยเป็นตะเกียบ ดูเป็นธรรมชาติ
การดูดไขมันต้นแขน ที่ทำกันอยู่ในประเทศไทย นั้นมี 4 แบบ
- ดูดเฉพาะก้อนไขมันใกล้ๆรักแร้
- ดูดเฉพาะท้องแขน
- ดูดท้องแขน และหัวไหล่
- ดูดรอบแขน 360 องศา
แล้วต่างกันมากแค่ไหน
การดูดไขมันต้นแขน ในกระบวนการทำ ผมมักจะเริ่มที่การดูดด้านท้องแขนก่อนเสมอ และหลังจากนั้นค่อยมาดูดตรงหัวไหล่ และปิดท้ายด้วยการดูดที่หน้าแขน จึงได้มีการเก็บสถิติปริมาณไขมัน ว่า ดูดเฉพาะท้องแขน กับดูด 360 องศา ต่างกันแค่ไหน
ผลปรากฏว่า ปริมาณไขมันที่ดูดออกมาได้ ต่างกันโดยเฉลี่ย ประมาณ 70-80% เช่น หากเราดูดเฉพาะท้องแขน ได้ปริมาณ 500 ซีซี เราจะดูดแบบ 360 องศา ได้ถึง 900 ซีซี

ดูดไขมันต้นแขน ใช้ยาชา หรือ ยาสลบ ดีกว่ากัน
ดูดไขมันต้นแขนเป็นบริเวณที่เจ็บน้อยที่สุดในร่างกาย (ถ้าไม่นับบริเวณกรอบหน้า และเหนียง) และใช้เวลาในการทำน้อยที่สุด เคสส่วนใหญ่ผมจึงแนะนำว่า สามารถทำแบบใช้ยาชาได้ ซึ่งจะช่วยให้คนไข้ประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้มาก แต่สำหรับท่านที่ต้องการทำแบบสบายๆ ไม่เจ็บเลย หรือมีแพลนจะทำบริเวณอื่นๆร่วมด้วยในครั้งเดียวกัน ก็สามารถเลือกทำแบบยาสลบได้เช่นกัน
ทำแล้วแขนจะห้อย จะหย่อนคล้อยหรือไม่
ปัจจัยหลักๆของการที่แขนมีความหย่อนคล้อย คือ การที่เรามีไขมันสะสมบริเวณท้องแขนเยอะ ทำให้มีการถ่วงน้ำหนักลงมา ทำให้แขนมีความหย่อนคล้อย โดยเฉพาะบริเวณท้องแขนส่วนที่อยู่ใกล้ๆรักแร้ ซึ่งปัญหาดังกล่าวแก้ไขได้โดยการดูดไขมัน เพราะหลังจากดูดไขมันออกไป ตัวที่จะมาถ่วงน้ำหนักทำให้ท้องแขนหย่อนคล้อยจะหายไป ทำให้แขนมีความตึงกระชับมากขึ้น
ในส่วนนี้ไม่ต้องกังวลนะครับ ผมยืนยันว่าเคสที่ทำมา ไม่เคยมีใครเกิดปัญหาหย่อนคล้อยมากกว่าเดิมแน่นอน มีแต่จะตึงขึ้นด้วยซ้ำ
ตัวอย่างเคสที่ก่อนทำมีความหย่อนคล้อย และหลังทำกระชับขึ้น


เทคนิคที่ผมใช้ในการดูดไขมันต้นแขน
- ควรดูด 360 องศา เพื่อความสวยในทุกมุมมอง
- ดูดเน้น บริเวณท้องแขนใกล้ๆ รักแร้ให้ได้เยอะที่สุด
- เปิดแผลในร่มผ้า ลงแผลเฉพาะที่จำเป็น
ลงแผลกี่จุด มีจุดไหนบ้าง
การดูดไขมันต้นแขน จะมีการลงแผลข้างละ 2-3 จุด ขึ้นอยู่กับความยาวแขน ขนาดของเส้นรอบวง และปริมาณไขมัน โดยแผลทั้งหมดจะใช้เทคนิค ดูดไขมันขั้นสูง advanced liposuctionเพื่อซ่อนแผลเข้าไปอยู่ในร่มผ้า และตามรอยพับต่างๆของผิวหนัง เพื่อที่หลังทำคนไข้จะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ไม่ต้องมากังวลเรื่องแผลอีกต่อไป

การเตรียมตัวก่อนดูดไขมันต้นแขน
- กรณีทำแบบยาชา ให้ทานอาหารมาได้ตามปกติ กรณีทำแบบดมยา ให้งดน้ำอาหารก่อนทำ 8 ชม.
- งดอาหารเสริม วิตามิน 5-7 วันก่อนทำ
- กรณีมีการทาสีเล็บ แนะนำให้ลบสีเล็บทั้งหมด เนื่องจากจะมีการติดอุปกรณ์จับออกซิเจนในเลือด
- นอนหลับให้เพียงพอ ทำใจให้สบาย
- กรณีทำแบบยาสลบ ต้องมีญาติหรือเพื่อนมารับ (ไม่สามารถขับรถกลับเองได้)

ภาวะที่ต้องเจอเป็นปกติ หลังดูดไขมันต้นแขน
- บวมช้ำได้เป็นปกติ ซึ่งมักจะเป็นไม่เกิน 5-10 วัน และหายเองทั้งหมด
- เป็นก้อนไตใต้ขั้นผิวหนัง แต่มีโอกาสเกิดขึ้นค่อนข้างน้อย หากเทียบกับหน้าท้อง หรือต้นขา
ภาวะดังกล่าวสามารถหายได้เอง 100% โดยไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติม
ดูดไขมันต้นแขน ทำแล้วนานไหมกว่าจะเห็นผล
ดูดไขมันต้นแขน เป็นบริเวณที่ฟื้นตัวเร็วมากที่สุด เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีไขมันน้อย เมื่อเทียบกับหน้าท้อง หรือต้นขา และใช้เวลาในการดูดน้อย ร่างกายจึงฟื้นตัวได้เร็วกว่าปกติ
- เริ่มเห็นผลที่ 2 สัปดาห์
- เห็นผลชัดเจน 50-60% ที่ 1 เดือน
- เห็นผลชัดเจน 70-80% ที่ 2 เดือน
- เห็นผลเต็มที่ 100% ที่ 6 เดือน
ดังนั้นหากคนไข้ได้รับการดูดไขมันมาแล้วได้ผลจริงๆ 1 เดือนหลังทำสัดส่วนต้องเล็กลงแล้วครับ

สรุป
ดูดไขมันต้นแขน ผมแนะนำว่ายังไงก็ควรดูดรอบแขน 360 องศา นะครับ เพราะในชีวิตการดูดไขมันของผม ผมลองทำมาแล้วทุกวิธีครับ วิธีการดูด 360 องศา เป็นวิธีที่ดีที่สุด ลดไซส์ได้มากที่สุด แขนดูเรียวตะเกียบ ดูเป็นธรรมชาติ และที่สำคัญคือไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็สวยครับ
Pingback: ดูดไขมัน ดีหรือไม่ มีอะไรต้องรู้ก่อนบ้าง พร้อมเผยเทคนิคขั้นสูง ปี 2022