J-Plasma สุดยอดเทคโนโลยีกระชับผิว บอกลาผิวย้วยหลังดูดไขมัน

J-Plasma คืออะไร? สุดยอดเทคโนโลยีกระชับผิว บอกลาผิวย้วยหลังดูดไขมัน

หนึ่งในความกังวลใจอันดับต้นๆ ของคนที่ต้องการดูดไขมันเพื่อกำจัดไขมันส่วนเกิน คือปัญหา “ผิวย้วย” หรือ “ความหย่อนคล้อย” ที่อาจตามมา แต่ด้วยนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ก้าวล้ำ ปัญหานี้สามารถแก้ไขได้อย่างตรงจุด วันนี้เราจะมาเจาะลึกกับ J-Plasma สุดยอดเทคโนโลยีกระชับผิวที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก ว่าคืออะไร มีข้อดีอย่างไร และทำไมถึงถูกยกให้เป็นที่สุดของการกระชับผิวในปัจจุบัน

สารบัญ


J-Plasma คืออะไร และทำงานอย่างไร?

J-Plasma คือเครื่องมือและเทคโนโลยีกระชับผิวประสิทธิภาพสูงจากประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มีความโดดเด่นและน่าเชื่อถืออย่างยิ่ง เพราะในปัจจุบัน J-Plasma เป็น เทคโนโลยีเดียวที่ได้รับการรับรองจาก US FDA (อย. ประเทศสหรัฐอเมริกา) ให้สามารถใช้ในการกระชับผิวได้ทั่วทุกส่วนของร่างกาย

ภาพจำลองการทำงานของ J-Plasma ที่ส่งพลังงานเข้าไปทำให้เส้นใยใต้ผิวหนังหดตัว

หลักการทำงาน:
J-Plasma ทำงานโดยการผสมผสานสองพลังงานอันทรงพลังเข้าด้วยกัน คือ พลังงานฮีเลียมพลาสมา (Helium Plasma) และ พลังงานคลื่นความถี่วิทยุ (Radiofrequency – RF) พลังงานที่ถูกปล่อยออกมานี้จะเข้าไปทำให้เส้นใยที่ยึดใต้ผิวหนัง (Fibrous Septal Network) เกิดการหดตัวอย่างรวดเร็วและแม่นยำ

ผลลัพธ์ที่ได้:

  • กระชับทันที: คุณจะสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังทำ
  • เห็นผลชัดเจนใน 1-3 เดือน: ผิวจะยังคงหดตัวและสร้างคอลลาเจนใหม่อย่างต่อเนื่อง ทำให้ผิวเฟิร์มกระชับขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
  • ผลลัพธ์ดีขึ้นเรื่อยๆ: ผิวจะกระชับเพิ่มขึ้นอีกจนเห็นผลลัพธ์เต็มที่ในระยะเวลา 6-12 เดือน

ขั้นตอนและบริเวณที่ทำได้:
การทำ J-Plasma จะใช้แผลขนาดเล็กเพียง 3-4 มิลลิเมตรเท่านั้น และสำหรับเคสที่ทำควบคู่กับการดูดไขมัน ก็สามารถใช้รอยแผลเดียวกันได้เลยโดยไม่ต้องเปิดแผลเพิ่ม J-Plasma สามารถทำได้ทุกบริเวณที่ต้องการความกระชับ เช่น ใบหน้า เหนียง ลำคอ ต้นแขน หน้าท้อง แผ่นหลัง ต้นขา น่อง หรือแม้กระทั่งสะโพก


3 รูปแบบการทำ J-Plasma ตอบโจทย์ทุกปัญหาผิว

การทำ J-Plasma สามารถปรับให้เข้ากับปัญหาและความต้องการของแต่ละบุคคลได้ 3 รูปแบบหลักๆ ดังนี้

การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม

1. ทำ J-Plasma พร้อมกับการดูดไขมัน

เป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมสูงสุด เหมาะสำหรับผู้ที่มีทั้งไขมันส่วนเกินและความหย่อนคล้อยของผิวหนัง การทำทั้งสองอย่างไปในคราวเดียวจะช่วยให้ เจ็บตัวแค่ครั้งเดียว พักฟื้นรอบเดียว และได้ผลลัพธ์ทั้งรูปร่างที่เล็กลงและผิวที่เฟิร์มกระชับไปพร้อมกัน

2. ทำ J-Plasma หลังจากเคยดูดไขมันไปแล้ว

เหมาะสำหรับเคสที่เคยดูดไขมันไปแล้วแต่ยังคงมีปัญหาผิวหย่อนคล้อยอยู่ หรือเคสที่ต้องการดูผลลัพธ์จากการดูดไขมันอย่างเดียวก่อน แล้วค่อยตัดสินใจทำ J-Plasma เพื่อเก็บรายละเอียดความกระชับในภายหลัง รวมถึงผู้ที่มีงบประมาณจำกัดและต้องการแบ่งทำทีละขั้นตอน

3. ทำ J-Plasma อย่างเดียว โดยไม่ดูดไขมัน

เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีปัญหา “ความหย่อนคล้อย” เป็นหลัก แต่มีไขมันสะสมน้อยมาก เช่น คนที่มีรูปร่างเล็กไซส์ XS หรือ S แต่ผิวขาดความยืดหยุ่น การทำ J-Plasma เพียงอย่างเดียวจะช่วยแก้ปัญหาผิวไม่กระชับได้อย่างตรงจุด


สรุป: J-Plasma เหมาะกับใคร?

J-Plasma คือคำตอบสำหรับทุกคนที่ต้องการแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยอย่างจริงจังและเห็นผลชัดเจน เป็นเทคโนโลยีที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ กระชับผิวอย่างตรงจุด ทำครั้งเดียวจบ แผลเล็ก ฟื้นตัวเร็ว และไม่ต้องผ่าตัด เพื่อผิวที่เรียบเนียน เฟิร์มกระชับ และคืนความมั่นใจให้กับรูปร่างของคุณอีกครั้ง

นพ.ชัยวิทย์ ด่านค้ามาก