ไขข้อข้องใจ! ทำไมดูดไขมันต้นแขนที่อื่นราคาต่างกัน? เจาะลึกเทคนิค 360° ที่จบจริงไม่ทิ้งปัญหา
“ทำไมดูดไขมันต้นแขนที่นี่ราคาสูงกว่าที่อื่น?” เป็นคำถามที่หมอพบบ่อยมากครับ หลายคนอาจเคยเห็นโปรโมชั่นราคาเริ่มต้นที่ 25,000 บาท แต่พอมาที่คลินิกเรากลับมีราคาเริ่มต้นที่ 50,900 บาท วันนี้หมอจะมาอธิบายให้เห็นภาพชัดๆ ว่าเบื้องหลังราคาที่แตกต่างกันนั้น คือเทคนิคและ “ปริมาณ” การดูดที่ไม่เท่ากันอย่างสิ้นเชิง และทำไมการลงทุนครั้งเดียวให้จบถึงคุ้มค่ากว่าครับ
สารบัญ
- การดูดไขมันเฉพาะจุด (180°): เทคนิคแบบเก่าที่ “ถูกแต่ไม่จบ”เทคนิคดูดไขมันต้นแขน 360°: สวยครบทุกมุมมอง จบในครั้งเดียวเปรียบเทียบราคา: ทำไม 50,900 บาท จึงไม่ใช่ราคาที่แพงสถิติ “เคสแก้” เครื่องยืนยันว่าการดูดเฉพาะจุดไม่ตอบโจทย์ปริมาณไขมันที่ได้: บทพิสูจน์ของเทคนิค 360°บทสรุป
การดูดไขมันเฉพาะจุด (180°): เทคนิคแบบเก่าที่ “ถูกแต่ไม่จบ”
คลินิกส่วนใหญ่ที่เสนอราคาเริ่มต้น 2x,xxx บาท มักจะเป็นการดูดไขมัน “เฉพาะใต้ท้องแขน” หรือที่เรียกว่าการดูดแบบ 180° ครับ
ลองดูภาพประกอบนะครับ การดูดลักษณะนี้จะกำจัดไขมันแค่บริเวณใต้ท้องแขนเท่านั้น ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้คนไข้จำนวนมากต้องกลับมาแก้ เพราะปัญหาที่ตามมาคือ:
- หัวไหล่ยังดูหนาและล่ำ: เมื่อไขมันใต้ท้องแขนหายไป แต่ไขมันบริเวณหัวไหล่ยังอยู่ครบ เวลาใส่เสื้อแขนกุดหรือมองจากด้านข้างจะเห็นเป็นก้อนเนื้อปูดออกมา ทำให้แขนดูไม่เรียวสมส่วน
หน้าแขนยังป่อง: ไขมันด้านหน้าแขน (Bicep) ไม่ได้ถูกกำจัดออกไป ทำให้แขนโดยรวมยังดูใหญ่ ไม่เพรียวบาง
แขนผิดรูป ไม่เป็นธรรมชาติ: ผลลัพธ์ที่ได้คือแขนที่ดูแบนเฉพาะด้านล่าง แต่ด้านหน้าและด้านบนยังใหญ่ ทำให้ดูผิดรูป ไม่สวยงาม

เทคนิคดูดไขมันต้นแขน 360°: สวยครบทุกมุมมอง จบในครั้งเดียว
ที่คลินิกเรา เราเลือกใช้เทคนิค “ดูดไขมันต้นแขน 360 องศา” ซึ่งเป็นการเก็บไขมันรอบแขนอย่างละเอียด เพื่อผลลัพธ์ที่เรียวสวยเป็นธรรมชาติที่สุด โดยจะครอบคลุม 3 บริเวณหลัก ดังนี้:
- ใต้ท้องแขน (Triceps): กำจัดไขมันส่วนที่ห้อยย้อย
หน้าแขน (Biceps): ลดความป่องด้านหน้า ทำให้แขนดูเพรียว
หัวไหล่ (Deltoid): ลดความหนาและความล่ำของหัวไหล่ ทำให้ช่วงบนดูเพรียวบางลง
เมื่อเก็บไขมันครบทุกมุมมอง ผลลัพธ์ที่ได้คือ “แขนทรงตะเกียบ” ที่เรียวสวย ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน แขนจะดูเล็กลงอย่างชัดเจนและเป็นธรรมชาติ
เปรียบเทียบราคา: ทำไม 50,900 บาท จึงไม่ใช่ราคาที่แพง
เมื่อเข้าใจเทคนิคแล้ว เราจะเห็นว่าราคาที่ต่างกันมาจากขอบเขตของงานที่ไม่เท่ากัน หมอขอเปรียบเทียบง่ายๆ เหมือนการขายบ้านครับ
- ราคา 25,000 บาท: เหมือนราคาของ บ้าน 1 ห้องนอน (ดูดแค่ใต้ท้องแขน 1 บริเวณ)
ราคา 50,900 บาท: เหมือนราคาของ บ้าน 3 ห้องนอน (ดูด 3 บริเวณ: ท้องแขน, หน้าแขน, หัวไหล่)
จะเห็นว่าเราไม่ได้ขายแพงกว่า แต่เรา “ขายเยอะกว่า” ครับ เราทำงานครอบคลุมกว่า 2-3 เท่า เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าต้นทุนและเวลาที่ใช้ย่อมสูงกว่าเป็นธรรมดา
สถิติ “เคสแก้” เครื่องยืนยันว่าการดูดเฉพาะจุดไม่ตอบโจทย์
ความจริงที่น่าตกใจคือ ใน 1 สัปดาห์ที่หมอทำการดูดไขมันต้นแขน 10 เคส จะมี เคสใหม่เพียง 5 เคส และเป็นเคสที่มาขอแก้ไขจากที่อื่นถึง 5 เคส หรือคิดเป็น 50% เลยทีเดียว! นี่คือเครื่องยืนยันที่ชัดเจนว่าการดูดไขมันแค่ใต้ท้องแขนเพียงอย่างเดียว มัน “ไม่จบ” จริงๆ และสุดท้ายก็ต้องเสียเงินและเสียเวลามาแก้ไขอยู่ดี

ปริมาณไขมันที่ได้: บทพิสูจน์ของเทคนิค 360°
สำหรับคนไข้ที่มีน้ำหนักตัวประมาณ 50-55 กก. (BMI ราว 20 ต้นๆ) การดูดไขมันต้นแขนด้วยเทคนิค 360° จะได้ปริมาณไขมัน (รวมน้ำ) ออกมาค่อนข้างเยอะมากครับ จากสถิติของหมอ ปริมาณที่น้อยที่สุดยังอยู่ที่ 1,400 ซีซี และมีตั้งแต่ 1,500, 1,700 ไปจนถึง 2,400 ซีซี ซึ่งเป็นปริมาณที่มากกว่าการดูดเฉพาะจุดหลายเท่าตัว
บทสรุป
การตัดสินใจดูดไขมันต้นแขนไม่ใช่แค่การมองหาที่ที่ “ราคาถูกที่สุด” แต่คือการมองหาวิธีการที่จะให้ “ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด” และจบในครั้งเดียว การดูดไขมันแบบ 360 องศาอาจมีราคาสูงกว่าในตอนแรก แต่เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพื่อแขนที่เรียวสวยทุกมิติอย่างแท้จริง และลดความเสี่ยงที่จะต้องมาเจ็บตัวและเสียเงินซ้ำซ้อนเพื่อแก้ไขในอนาคตครับ
บทความโดย
นพ.ชัยวิทย์ ด่านค้ามาก